ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น สู ต ร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ที่สุดสองอย่างนี้อันบรรพชิตไม่ ควรเสพ คือ
การประกอบตนให้พัวพันด้วยกามสุข ในกามทั้งหลาย ๑
การประกอบความเหน็ดเหนื่อยแก่ตน เป็นความลำบาก ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ที่สุดสองอย่างนั้ น
นั่นตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วยปัญ ญาอันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด
ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน...
ปฏิปทาสายกลางนั้น ได้แก่อริยมรรค มีองค์ ๘ นี้แหละ คือ
ปัญญาอันเห็นชอบ ๑ ความดำริชอบ ๑ เจรจาชอบ ๑ การงานชอบ ๑
เลี้ยงชีวิตชอบ ๑ พยายามชอบ ๑ ระลึกชอบ ๑ ตั้งจิตชอบ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขอริยสัจ คือ
ความเกิดก็เป็นทุกข์ ความแก่ก็เป็นทุกข์ ความเจ็บไข้ก็เป็นทุกข์ ความตายก็เป็นทุกข์
ความประจวบด้วยสิ่งที่ไม่เป็นที ่รักก็เป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักก ็เป็นทุกข์ ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นก็เ ป็นทุกข์ โดยย่นย่อ คือ "อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์"
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขสมุทัยอริยสัจ คือ
ตัณหาอันทำให้เกิดอีก ประกอบด้วยความกำหนัดด้วยอำนาจค วามเพลิน
มีปกติเพลิดเพลินในอารมณ์นั้นๆ คือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขนิโรธอริยสัจ คือ
ตัณหานั่นแลดับ โดยไม่เหลือด้วยมรรคคือวิราคะ สละ สละคืน ปล่อยไป ไม่พัวพัน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขนิโรธคามินีปฏิ ปทาอริยสัจ คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้แหละ คือ
ปัญญาอันเห็นชอบ ๑ ความดำริชอบ ๑ เจรจาชอบ ๑ การงานชอบ ๑
เลี้ยงชีวิตชอบ ๑ พยายามชอบ ๑ ระลึกชอบ ๑ ตั้งจิตชอบ ๑
มหาวิ.วิ. ๔/๑๕/๑๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น