วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2559

นิยามของความตายและเหตุแห่งความตาย

นิยามของความตายและเหตุแห่งความตาย
หากกล่าวถึงความตายหรือมรณะ พระองค์ทรงตรัสความหมายของคำนี้ว่า...
ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย  ก็มรณะเป็นไฉน  
ได้แก่  ความจุติ  ความเคลื่อนไป  ความแตก
ความอันตรธาน  ความตาย  ความมรณะ  
การทำกาละ  ความสลายแห่งขันธ์  ความทอดทิ้งร่าง
ความขาดชีวิตินทรีย์  จากหมู่สัตว์นั้นๆ  ของสัตว์ทั้งหลายนั้นๆ  นี้เรียกว่ามรณะ
(พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘ สังยุตตนิกาย นิทานวรรค หัวข้อ ๑๕๔)
แล้วมรณะเกิดได้อย่างไร ในเมื่อพระองค์ทรงตรัสว่า
เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี
เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น
ในครั้งนั้นพระอานนท์เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
พระองค์ทรงตรัสถามแก่พระอานนท์ดังพระสูตรต่อไปนี้

ดูกรอานนท์   เมื่อเธอถูกถามว่า ชรามรณะ มีสิ่งเป็นปัจจัยหรือ
เธอพึงตอบว่า มี
ถ้าเขาถามว่า  ชรามรณะมีอะไรเป็นปัจจัย
เธอพึงตอบว่า มีชาติเป็นปัจจัย
(มหานิทานสูตร หัวข้อ ๕๗)
ในเรื่องของความตายพระศาสดาทรงตรัสอุปมา
เหมือนภาชนะดิน ชนิดใดชนิดหนึ่ง ทั้งที่ดิบทั้งที่สุก
ภาชนะดินเหล่านั้นทั้งหมด  มีความแตกเป็นธรรมดา
มีความแตกเป็นที่สุด ไม่ล่วงพ้นความแตกไปได้เลย
(พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค หัวข้อ ๔๐๐)

พระองค์จึงทรงให้เราพิจารณถึงความตายอยู่เนืองๆ  ดังพระสูตรที่ว่า...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร สตรี บุรุษ คฤหัสถ์ หรือบรรพชิต
จึงควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ความมัวเมาในชีวิตมีอยู่แก่สัตว์ทั้งหลาย ซึ่งเป็นเหตุให้สัตว์ทั้งหลาย
ประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ เมื่อเขาพิจารณาฐานะนั้นอยู่เนืองๆ
ย่อมละความมัวเมาในชีวิตนั้นได้โดยสิ้นเชิง หรือทำให้เบาบางลงได้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์นี้แล สตรี บุรุษ คฤหัสถ์หรือบรรพชิต
จึงควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เรามีความตายเป็นธรรมดา
ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้
(ฐานสูตร หัวข้อ ๕๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น