วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2559

คนนิสัยไม่ดี ในที่นี้หมายถึง อสัตบุรุษ มีลักษณะ คือ ๑. เปิดเผยข้อเสียของคนอื่น ๒. ปกปิดข้อดีของคนอื่น ๓. ปกปิดข้อเสียของตนเอง ๔. เปิดเผยข้อดีของตนเอง ***************** ๑. อสัตบุรุษ ถึงไม่ถูกใครถามก็เปิดเผยข้อเสียของคนอื่น เพราะจิตที่เป็นอกุศลมีความริษยาเป็นต้น จึงไม่สงสารเห็นใจผู้อื่น ๒. อสัตบุรุษถึงถูกใครถามก็ไม่เปิด เผยข้อดีของคนอื่น เพราะจิตที่เป็นอกุศลมีความตระหนี่เป็นต้น จึงไม่ประกาศสรรเสริญความดีของคนอื่น ๓. อสัตบุรุษ ถึงถูกใครถามก็ไม่เปิดเผยข้อเสียของตน เพราะจิตที่เป็นอกุศลมีความถือตัวเป็นต้น จึงบิดบังกิเลสที่มีอยู่ในตน ๔. อสัตบุรุษ ถึงไม่ถูกใครถามก็เปิดเผยข้อดีของตนเอง เพราะจิตที่เป็นอกุศลมีความโอ้อวดเป็นต้น จึงหวั่นไหวต่อคำสรรเสริญหรือนินทา ************************************** ๓. สัปปุริสสูตร ว่าด้วยธรรมของอสัตบุรุษและสัตบุรุษ [๗๓] ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการพึงทราบว่า เป็นอสัตบุรุษ ธรรม ๔ ประการ อะไรบ้าง คือ ๑. อสัตบุรุษในโลกนี้ถึงไม่มีใครถามก็เปิดเผยข้อเสียหายของบุคคลอื่นได้ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงอสัตบุรุษผู้ถูกถามเลย และอสัตบุรุษผู้ถูกถาม ก็ตอบปัญหาทันที ไม่อ้อมค้อม ไม่หน่วงเหนี่ยว กล่าวถึงข้อเสีย ของบุคคลอื่นอย่างละเอียดเต็มที่ นี้พึงทราบว่า ‘ผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ’ ๒. อสัตบุรุษถึงถูกใครถามก็ไม่เปิดเผยข้อดีของบุคคลอื่น ไม่จำเป็น ต้องพูดถึงอสัตบุรุษผู้ไม่ถูกถามเลย และอสัตบุรุษผู้ถูกถามก็ตอบ ปัญหาอ้อมค้อม หน่วงเหนี่ยว กล่าวสรรเสริญข้อดีของบุคคลอื่น ไม่ละเอียดเต็มที่ นี้พึงทราบว่า ‘ผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ’ ๓. อสัตบุรุษถึงถูกใครถามก็ไม่เปิดเผยข้อเสียของตน ไม่จำเป็นต้อง พูดถึงอสัตบุรุษผู้ไม่ถูกถาม และอสัตบุรุษผู้ถูกถามก็ตอบปัญหาอ้อมค้อม หน่วงเหนี่ยว กล่าวถึงข้อเสียของตนไม่ละเอียดเต็มที่ นี้พึงทราบว่า ‘ผู้นี้เป็นอสัตบุรษ’ ๔. อสัตบุรุษถึงไม่ถูกใครถามก็เปิดเผยข้อดีของตน ไม่จำเป็นต้อง พูดถึงอสัตบุรุษผู้ถูกถาม และอสัตบุรุษผู้ถูกถามก็รีบตอบปัญหา ไม่อ้อมค้อม ไม่หน่วงเหนี่ยว กล่าวสรรเสริญข้อดีของตนอย่างละเอียดเต็มที่ นี้พึงทราบว่า ‘ผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ’ ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แลพึงทราบว่า เป็นอสัตบุรุษ สัปปุริสสูตร องฺ.จตุกฺก.(ไทย) ๒๑/๗๓/๑๑๘ มหาจุฬา ฯ

คนนิสัยไม่ดี ในที่นี้หมายถึง อสัตบุรุษ มีลักษณะ คือ
๑. เปิดเผยข้อเสียของคนอื่น
๒. ปกปิดข้อดีของคนอื่น
๓. ปกปิดข้อเสียของตนเอง
๔. เปิดเผยข้อดีของตนเอง
*****************
๑. อสัตบุรุษ ถึงไม่ถูกใครถามก็เปิดเผยข้อเสียของคนอื่น เพราะจิตที่เป็นอกุศลมีความริษยาเป็นต้น จึงไม่สงสารเห็นใจผู้อื่น
๒. อสัตบุรุษถึงถูกใครถามก็ไม่เปิด เผยข้อดีของคนอื่น เพราะจิตที่เป็นอกุศลมีความตระหนี่เป็นต้น จึงไม่ประกาศสรรเสริญความดีของคนอื่น
๓. อสัตบุรุษ ถึงถูกใครถามก็ไม่เปิดเผยข้อเสียของตน เพราะจิตที่เป็นอกุศลมีความถือตัวเป็นต้น จึงบิดบังกิเลสที่มีอยู่ในตน
๔. อสัตบุรุษ ถึงไม่ถูกใครถามก็เปิดเผยข้อดีของตนเอง เพราะจิตที่เป็นอกุศลมีความโอ้อวดเป็นต้น จึงหวั่นไหวต่อคำสรรเสริญหรือนินทา
**************************************
๓. สัปปุริสสูตร
ว่าด้วยธรรมของอสัตบุรุษและสัตบุรุษ
[๗๓] ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการพึงทราบว่า เป็นอสัตบุรุษ ธรรม ๔ ประการ อะไรบ้าง คือ
๑. อสัตบุรุษในโลกนี้ถึงไม่มีใครถามก็เปิดเผยข้อเสียหายของบุคคลอื่นได้ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงอสัตบุรุษผู้ถูกถามเลย และอสัตบุรุษผู้ถูกถาม ก็ตอบปัญหาทันที ไม่อ้อมค้อม ไม่หน่วงเหนี่ยว กล่าวถึงข้อเสีย ของบุคคลอื่นอย่างละเอียดเต็มที่ นี้พึงทราบว่า ‘ผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ’
๒. อสัตบุรุษถึงถูกใครถามก็ไม่เปิดเผยข้อดีของบุคคลอื่น ไม่จำเป็น ต้องพูดถึงอสัตบุรุษผู้ไม่ถูกถามเลย และอสัตบุรุษผู้ถูกถามก็ตอบ ปัญหาอ้อมค้อม หน่วงเหนี่ยว กล่าวสรรเสริญข้อดีของบุคคลอื่น ไม่ละเอียดเต็มที่ นี้พึงทราบว่า ‘ผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ’
๓. อสัตบุรุษถึงถูกใครถามก็ไม่เปิดเผยข้อเสียของตน ไม่จำเป็นต้อง พูดถึงอสัตบุรุษผู้ไม่ถูกถาม และอสัตบุรุษผู้ถูกถามก็ตอบปัญหาอ้อมค้อม หน่วงเหนี่ยว กล่าวถึงข้อเสียของตนไม่ละเอียดเต็มที่ นี้พึงทราบว่า ‘ผู้นี้เป็นอสัตบุรษ’
๔. อสัตบุรุษถึงไม่ถูกใครถามก็เปิดเผยข้อดีของตน ไม่จำเป็นต้อง พูดถึงอสัตบุรุษผู้ถูกถาม และอสัตบุรุษผู้ถูกถามก็รีบตอบปัญหา ไม่อ้อมค้อม ไม่หน่วงเหนี่ยว กล่าวสรรเสริญข้อดีของตนอย่างละเอียดเต็มที่ นี้พึงทราบว่า ‘ผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ’
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แลพึงทราบว่า เป็นอสัตบุรุษ
สัปปุริสสูตร องฺ.จตุกฺก.(ไทย) ๒๑/๗๓/๑๑๘ มหาจุฬา ฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น